คลังบทความของบล็อก/Articles

20/10/61

[รีวิว] แชมพูน้ำมันสกัดจากผิวมะกรูด FALLES HAIR REVIVING SHAMPOO ของ BSC

วันนี้ขอรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเส้นผมกันบ้างนะคะ นั่นก็คือ FALLES HAIR REVIVING SHAMPOO แชมพูน้ำมันสกัดจากผิวมะกรูดสำหรับผมอ่อนแอขาดหลุดร่วงของ BSC นั่นเอง
สูตรที่เราใช้อยู่ เป็นสูตร Extra soft & Nourishment สูตรเพิ่มความนุ่มลื่นลื่นและบำรุงผมเป็นพิเศษ สำหรับผมแห้ง ขาดการบำรุงค่ะ

FALLES HAIR REVIVING SHAMPOO


สภาพผมของเราในตอนนี้คือ ไม่ได้ย้อมผม ยืดผม หรือดัดผม ผมเส้นเล็ก ผมแห้งนิดหน่อยและไม่ค่อยมีน้ำหนัก และหนังศรีษะมันง่ายค่ะ

เราเป็นคนที่ชอบใช้แชมพูที่มีส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นคนที่มีหนังศรีษะมันมาก เจออะไรที่มีส่วนผสมมะกรูดก็จะลองซื้อมาใช้ดูเพื่อเฟ้นหาตัวที่เหมาะสมกับเราที่สุดค่ะ แชมพูหลายยี่ห้อที่มีส่วนผสมของมะกรูด ส่วนใหญ่ก็ใช้ดีนะคะ ใช้แล้วหนังศรีษะมีความมันน้อยลง แต่ปัญหาที่เราพบอยู่บ่อยๆคือ หลังจากสระผมเสร็จแล้ว ถ้าไม่ได้ใช้ครีมนวดต่อ ผมมักจะพันกัน พอเป่าผมเสร็จ ผมก็มักจะแห้ง ไม่มีน้ำหนัก  แชมพู  FALLES HAIR REVIVING สูตร Extra soft & Nourishment จึงตอบโจทย์เราค่ะ เป็นแชมพูที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ และเป็นสูตรที่เพิ่มมอยเจอไรเซอร์ ทำให้ผมนุ่มลื่นขึ้น และไม่พันกัน ใช้แล้วเลิฟๆเลย เหมาะกับคนขี้เกียจใช้ครีมนวดอย่างเรามากค่ะ

เนื้อแชมพู FALLES จะเป็นเนื้อครีมขาวข้น มีกลิ่นหอมอ่อนๆของมะกรูด สำหรับเรา กลิ่นมะกรูดไม่แรงนะคะ หรือเราอาจจะเป็นคนที่ชอบกลิ่นมะกรูดอยู่แล้วด้วย เลยรู้สึกว่ากลิ่นไม่แรง ในขณะที่เรานวดแชมพูไปบนผม ผมก็ไม่ค่อยพันกันค่ะ หลังจากที่สระผมเสร็จแล้ว ผมก็ไม่ค่อยพันกันเช่นกัน หลังจากที่เป่าผมแห้งแล้ว ผมก็นุ่มดี ถึงแม้จะไม่ถึงกับนุ่มมาก แต่เวิร์คกว่ายี่ห้ออื่นที่เราเคยใช้มาค่ะ ผมไม่แห้ง ผมมีน้ำหนักขึ้นมานิดหน่อยด้วย ส่วนเรื่องการลดปัญหาผมขาดหลุดร่วงนั้น เรายังไม่สามารถตอบได้แน่ชัดว่าแชมพูตัวนี้ป้องกันผมหลุดร่วงได้หรือเปล่า เพราะตอนนี้เรายังไม่มีปัญหาเรื่องผมร่วงค่ะ แฮ่

พอพูดถึงแชมพู เราก็มีเรื่องจะเล่าค่ะ ห่ะๆ  เราใช้แชมพูยี่ห้อนี้มา 2 ขวดใหญ่แล้ว ในระหว่างที่กำลังจะซื้อขวดที่ 3 มาใช้  เราเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึงกำลังหยิบแชมพูมะกรูดอีกยี่ห้อนึงใส่ตะกร้าประมาณ 8 ขวดค่ะ เราเป็นคนชอบลองอะไรใหม่ๆอยู่แล้ว เราคิดว่ามันต้องดีแน่ๆเลย ถึงซื้อหลายขวด เราเลยซื้อมาลองใช้บ้างค่ะ วันนั้นไม่ได้แชมพู FALLESกลับมา แต่ได้อีกยี่ห้อกลับมาแทนค่ะ สรุปคือใช้แล้วผมพันกัน หลังจากเป่าผมเสร็จ ผมแห้ง   ในที่สุดเราก็ต้องกลับมาใช้ FALLESเหมือนเดิมค่ะ

ถ้าเรามีโอกาสเจอแชมพูยี่ห้ออื่นๆที่ใช้แล้วดีเหมือนแชมพู FALLES  เราจะมารีวิวให้อ่านกันอีกนะคะเพื่อนๆ แต่ตอนนี้ขอใช้ FALLES ไปเรื่อยๆก่อนค่ะ

หลังจากลองใช้แล้ว สามารถมาแชร์กันได้นะคะเพื่อนๆ

คะแนนที่ให้ : 9 จุ๊บ เต็ม 10 จุ๊บ
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ : https://beautymde.blogspot.com
หากเพื่อนๆท่านใดสนใจซื้อผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน 
ส่งเมลมาขอรหัสส่วนลดที่เราได้เลยนะคร้า
email : be.blissful.999@gmail.com 
หลังจากนั้น เพื่อนๆสามารถนำรหัสไปใช้เป็นส่วนลด25% ในการซื้อสินค้าใช้ที่ร้านกิฟฟารีนสาขาใกล้บ้าน หรือทางเว็บออนไลน์ได้เลยนะคร้า :) 






2/9/61

[รีวิว] ลิปสติก Innisfree Real Fit Creamy Lipstick

วันนี้ขอรีวิว Innisfree Real Fit Creamy Lipstick สี No.5 นะคะ เรายืนเลือกอยู่นานเลยค่ะ สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกลิปแนว Creamy เพราะเราเป็นคนที่ปากแห้งตลอดเวลาค่ะ

ลิปสติกรุ่นนี้เนื้อครีมเนียน นุ่ม ทาแล้วปากเนียน นุ่ม ชุ่มชื้น ฉ่ำวาวดีค่ะ สามารถใช้แทนลิปมันได้เลยค่ะเพื่อนๆ

Innisfree real Fit Creamy Lipstick

ลิป Innisfree Real Fit Creamy Lipstick สี No.5  ที่เราซื้อมา ถ้าดูจากหลอดจะเห็นเป็นสีชมพูแดงๆ พอทาออกมาแล้วจะได้สีแดงวาวๆใสๆ (สีในภาพอาจไม่ค่อยชัดเจนนะคะ สีจริงจะออกไปทางสีแดง และสีสวยกว่าในภาพค่ะ)  สีนี้ทาแล้วขับผิวดีค่ะ ทาแล้วให้ลุคน่ารักแบบไม่ฉูดฉาด ดูสุขภาพดี ใสๆ สไตล์เกาหลี  วันไหนเราต้องการทาให้ได้ลุคแบบธรรมชาติ ดูใสๆเด็กๆ เราก็จะแค่แตะลิปลงไปบนริมฝีปากเบาๆ ไม่ลงน้ำหนักเยอะ แค่นี้ก็ได้ลุคใสๆ ดูน่ารักแล้วค่ะ

ส่วนในเรื่องของความติดทนนั้น อาจจะติดไม่ค่อยทนค่ะ เนื่องจากเนื้อลิปมีความมันวาว ทำให้สีเลือนค่อนข้างง่าย แต่ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเราเลยค่ะ หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ เราก็จะเติมปากเพิ่มไปอีกครั้งนึงค่ะ

เพื่อนๆคนไหนที่อยากแต่งหน้าลุคใสๆ แบบเผยริมฝีปากอวบอิ่ม ฉ่ำๆ สุขภาพดี ทาแล้วสดใส เราแนะนำให้ลองซื้อรุ่นนี้มาใช้ดูค่ะ เลือกสีที่เหมาะกับตัวเอง แค่นี้ก็ไปเรียน ไปทำงานแบบใสๆ มั่นใจสุดๆแล้วค่ะ ^^

คะแนนที่ได้ : 8.5 เต็ม 10 จุ๊บ
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ : https://beautymde.blogspot.com
หากเพื่อนๆท่านใดสนใจซื้อผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน 
ส่งเมลมาขอรหัสส่วนลดที่เราได้เลยนะคร้า
email : be.blissful.999@gmail.com 
หลังจากนั้น เพื่อนๆสามารถนำรหัสไปใช้เป็นส่วนลด25% ในการซื้อสินค้าใช้ที่ร้านกิฟฟารีนสาขาใกล้บ้าน หรือทางเว็บออนไลน์ได้เลยนะคร้า :) 





1/9/61

[รีวิว] คลีนเซอร์ Philosophy Purity 3-in-1 Cleanser for Face and Eyes

ครั้งนี้ ขอรีวิว คลีนเซอร์ Purity 3-in-1 Cleanser for Face and Eyes ของ Philosophy นะคะ คลีนเซอร์ตัวนี้ใช้ดีมากค่ะ เป็นได้ทั้งครีมเช็ดเครื่องสำอาง ครีมล้างหน้า และโทนเนอร์ แต่เราชอบใช้คลีนเซอร์ตัวนี้เป็นตัวเช็ดเครื่องสำอางก่อนที่จะล้างหน้าด้วยสบู่ล้างหน้าอีกตัวนึงค่ะ
คลีนเซอร์ Philosophy Purity 3-in-1 Cleanser for Face and Eyes


พื้นฐานผิวหน้าเรา : หน้ามันมาก มีสิวอุดตันประปราย

เนื้อของคลีนเซอร์ตัวนี้จะเป็นเนื้อครีมสีเหลืองอ่อน กลิ่นไม่หอมสักเท่าไร แต่โดยรวมแล้วโอเคสำหรับเราค่ะ

เราชอบคลีนเซอร์ตัวนี้ของ Philosophy เพราะสามารถล้างเครื่องสำอางค์ได้อย่างหมดจด หลังจากใช้แล้ว หน้าเนียนนุ่ม รู้สึกสบายผิวหน้า สัมผัสได้ว่าหน้าสะอาดจริงๆค่ะ รู้สึกว่าผิวหน้าดีขึ้นด้วย  เราสามารถใช้คลีนเซอร์ตัวนี้ทำความสะอาดรอบดวงตาได้ด้วยนะคะ แต่เราชอบใช้กับผิวหน้ามากกว่าค่ะ ส่วนรอบดวงตา เราจะใช้ Eye Remover สำหรับดวงตาโดยเฉพาะค่ะ

นอกจากนี้ เราสังเกตว่าหลังจากใช้คลีนเซอร์ตัวนี้เช็ดเครื่องสำอางออกแล้ว ผิวหน้าเราผลิตน้ำมันช้าลงด้วยค่ะ อันที่จริงแล้ว หลังจากเช็ดเครื่องสำอางออกจากใบหน้า และล้างหน้าเสร็จแล้ว เราควรรีบทาครีมบำรุง เพื่อไม่ให้ผิวหน้าสูญเสียความชุ่มชื่น แต่เรามักจะมีนิสัยเสียอย่างนึงคือ หลังจากเช็ดเครื่องสำอางออกหมด เรามักจะยังไม่ล้างหน้า และไปนั่งทำกิจกรรมอย่างอื่นต่อ หลังจากนั้นสักพักใหญ่ๆ เราถึงจะไปล้างหน้าและอาบน้ำ การที่เราเช็ดเครื่องสำอางออกหมด แล้วปล่อยผิวหน้าทิ้งไว้แบบนั้นโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ทำให้เราสังเกตได้ว่า ผิวหน้าผลิตความมันช้าลง เมื่อเปรียบเทียบการกับการใช้คลีนเซอร์ยี่ห้ออื่นๆ เพราะฉะนั้นคลีนเซอร์ตัวนี้ เหมาะกับคนที่มีผิวมันมากๆเช่นกันค่ะ เพื่อนๆที่ผิวมันไม่ต้องกลัวเลยว่าใช้แล้วจะเหนอะหนะค่ะ

ส่วนวิธีการใช้นั้น เราทราบมาว่า ให้วนครีมตัวนี้ลงบนผิวหน้าที่แห้ง วนจนเครื่องสำอางละลาย แล้วค่อยใช้สำลีชุบน้ำเช็ดออก หรือใช้น้ำล้างออกได้เลย แต่เราไม่ถนัดวิธีนี้เลยค่ะ เพราะระหว่างที่วนครีมบนผิวหน้าที่แห้ง มันจะมีความฝืดมาก  เพราะฉะนั้น เราเลยทำตามวิธีที่เราถนัดและรู้สึกดี คือ พรมน้ำให้ทั่วใบหน้าในปริมาณเล็กน้อย หลังจากนั้น ก็ค่อยๆวนคลีนเซอร์ตัวนี้ให้ทั่วใบหน้า และใช้สำลีเช็ดออก เราเช็ดประมาณ2รอบ ผิวหน้าก็สะอาดหมดจดแล้วค่ะ สิวที่กรามก็ขึ้นน้อยลงด้วย เราคิดว่าน่าจะมาจากคลีนเซอร์ตัวนี้ที่ทำให้ผิวหน้าเราสะอาดขึ้น

แนะนำเลยค่ะเพื่อนๆสำหรับคลีนเซอร์ของ Philosophy ตัวนี้ เพื่อนๆลองซื้อไซส์เล็กมาลองใช้ก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าชอบค่อยไปซื้อไซส์ใหญ่มาใช้ค่ะ

คะแนนที่ให้ : 9.5 เต็ม 10 คะแนน
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ : https://beautymde.blogspot.com

ขายแผ่นมาร์กรอบดวงตา Dr.Morita
แบรนด์ดังจากไต้หวัน ใครไปไต้หวัน ต้องซื้อกลับมา!
เราหิ้วมาจากไต้หวันเลยค่ะ แผ่นมาร์กนี้มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวรอบดวงตากระชับขึ้น ลดรอยหมองคล้ำใต้ตา มาร์กแล้วเฟรชสุดๆ
 ถ้าเพื่อนๆสนใจ ทักไลน์มาสอบถามได้เลยค่ะ 


11/8/61

[รีวิว] ทินท์ทาแก้มและปากของ Oriental Princess Beneficial Kiss From A Rose Natural Face Tint

ครั้งนี้ขอรีวิวทินท์ทาแก้มและทาปากของ Oriental Princess Beneficial Kiss From A Rose Natural Face Tint นะคะ ทินต์ของแบรนด์นี้มีทั้งหมด 4 สีค่ะ สีที่เราใช้อยู่ ณ ตอนนี้คือสี 01 Brilliant Pink Iceberg ค่ะ เป็นทินท์สีชมพู

ทินต์ตัวนี้ขวดเล็กกะทัดรัด พกพาง่าย ราคาก็น่ารัก น่าจะใช้ได้นานด้วยค่ะ

Oriental Princess Beneficial Kiss From A Rose  Natural Face Tint


เราชอบใช้ทินท์ตัวนี้ทาแก้มมากกว่าทาปากค่ะ ก่อนใช้ เขย่าขวดก่อนนะคะเพื่อนๆ เพื่อให้ส่วนผสมต่างๆในขวดรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนเนื้อทิ้นท์ของ Oriental Princess นั้นจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ และเกลี่ยง่ายมากค่ะ แต่หลังจากใช้พู่กันทาทินท์ไปที่แก้มแล้ว จะต้องรีบเกลี่ยนิดนึงนะคะ เพราะถ้าเกลี่ยช้า สีที่แก้มจะกลายเป็นเส้นๆตามรอยพู่กันที่เราทาลงไป จะทำให้แก้มดูไม่เป็นธรรมชาติค่ะ

หลังจากทาออกมาแล้ว สังเกตได้เลยว่าแก้มจะแดงระเรื่อดูเป็นธรรมชาติ ทำให้หน้าเราดูน่ารักขึ้น หวานขึ้น และเหมือนคนมีสุขภาพดีจากภายในด้วยค่ะ โฮะๆ หลังจากที่เราทาเสร็จ เราก็จะตบแป้งตามลงไปค่ะ แต่สำหรับใครที่ผิวดีอยู่แล้ว ไม่ต้องตบแป้งเลยก็ได้ค่ะ

สำหรับเพื่อนๆที่ทำงานในออฟฟิศ ไม่ได้ออกไปทำกิจกรรม outdoor ที่ไหน สีแก้มก็ยังติดทนถึงตอนเย็นเลยนะคะ แม้ว่าในหนึ่งวัน เราจะซับหน้ามันไปหลายครั้งแล้วก็ตาม ทินท์ตัวนี้เหมาะมากสำหรับเพื่อนๆที่มีผิวมันแบบเราค่ะ

แนะนำให้เพื่อนๆลองซื้อมาใช้ดูนะคะ เลือกสีที่เข้ากับตัวเอง ถือว่าเป็นการเปลี่ยนลุค หรือเปลี่ยนบรรยากาศให้ตัวเราเองค่ะ เพราะบางคนอาจจะให้บรัชออนประเภทเดียวมาโดยตลอด การใช้บรัชออนหลายๆประเภทสลับกันไป ทำให้เราแต่งหน้าสนุกขึ้นค่ะ    แต่ไม่ว่าจะเป็นการปัดแก้มแบบไหน ใช้บรัชออนแบบฝุ่น แบบครีม หรือใช้ทินท์ ก็ล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์กันคนละแบบ และสื่ออารมณ์ออกมาคนละแบบ การทาแก้มโดยใช้ทินท์ก็เป็นอีกทางเลือกนึง ที่อยากให้เพื่อนๆลองใช้กันดูค่ะ

คะแนนที่ให้ : 8.5 จุ๊บ เต็ม 10 จุ๊บ

ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ :https://beautymde.blogspot.com

8/7/61

[รีวิว] แป้งทาหน้าผสมรองพื้น Kate Secret Skin Maker Zero Powder Foundation

ครั้งนี้ขอรีวิว Kate Secret Skin Maker Zero Powder Foundation หรือ แป้งทาหน้าผสมรองพื้นและสารป้องกันแดดของเคทนั่นเอง


Kate Secret Skin Maker Zero Powder Foundation

เราใช้แป้งKateมาหลายตลับแล้วค่ะ ระหว่างทางก็ลองแป้งอื่นๆที่ราคาย่อมเยากว่ามาเรื่อยๆ แต่เราค้นพบว่าแป้งKateเหมาะกับผิวหน้าของเรามากที่สุดค่ะ

เราเป็นคนรูขุมขนกว้าง หน้ามีสิวประปราย และมีรอยแดงจากสิวค่ะ ถ้าตัดแป้งดังๆตามเค้าเตอร์แบรนด์ออกไป เราค้นพบว่าเคสเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ค่อนข้างโอเคเลยค่ะ ราคากลางๆ ไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป และเหมาะกับหน้าที่มีสิว และรอยสิวแดงๆของเราค่ะ

Kate Secret Skin Maker Zero Powder Foundation


เรามาดูคุณสมบัติที่ระบุไว้บนกล่องของแป้งKateผสมรองพื้นกันดีกว่า:

ปกปิดค่อนข้างดี : เนื้อแป้งของเคสตัวนี้ไม่บางเบานะคะ การปกปิดค่อนข้างดีสำหรับหน้าเราที่มีรอยสิวแดงๆ  แต่ถ้าเป็นสิวอักเสบ แป้งปิดไม่ค่อยอยู่ค่ะ เพราะฉะนั้นเราจะปิดสิวอักเสบด้วย Eucerin Pro ACNE Solution Correct& Cover Stick ก่อน แล้วตบแป้งเคสตัวนี้เข้าไป สีของยูเซอริน และสีแป้งตัวนี้กลืนเข้ากันได้ดีเลยค่ะ ผลที่ได้คือหน้าเนียน ไม่ค่อยเห็นสิวแดงๆค่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องปกปิดรูขุมขน เราคิดว่ายังปิดไม่ค่อยได้ค่ะ หน้าของเราก็ยังคงเห็นรูขุมขนชัดเหมือนเดิมค่ะ (อาจจะเป็นเพราะรูขุมขนเรากว้างมาก)

คุมมัน กันน้ำ กันเหงื่อ : ถ้าเป็นในเรื่องของการคุมมันนั้น สำหรับเรา ไม่สามารถคุมมันได้เลยค่ะ เนื่องจากเราเป็นคนที่มีผิวหน้ามันมาก ไม่ว่าจะเป็นเมคอัพตัวไหน ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความมันบนใบหน้าของเราได้ค่ะ
ส่วนเรื่องกันน้ำ ในวันที่ฝนตก แล้วบังเอิญฝนเกิดกระเด็นใส่หน้าเราบ้างประปราย แป้งKateตัวนี้เอาอยู่ค่ะ ไม่ได้ทำให้หน้าเราเลอะ หรือไหลเยิ้มค่ะ  เราเคยทดลองเอาน้ำมาตบๆทั่วใบหน้าเบาๆ แป้งก็ไม่หลุดลอกจากหน้านะคะ ถ้าเราไม่ได้เอามือไปถูใบหน้าแรงๆจริงๆ แป้งKateก็จะยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดีอยู่ค่ะ แฮ่ ส่วนเรื่องของกันเหงื่อนั้น ทุกเช้าเราต้องเผชิญกับความร้อนและเหงื่อบนรถโดยสารอยู่แล้วค่ะ เหงื่อไม่ได้ทำให้แป้งKate บนใบหน้าของเราไหลเยิ้ม หรือไหลมากองกันเลยค่ะ แป้งตัวนี้ค่อนข้างกันเหงื่อได้ดีพอสมควรเลยค่ะ

พัฒนาเพื่อผิวคนไทยโดยเฉพาะ : เราเป็นคนผิวขาวเหลืองค่ะ เรามองว่าแป้งตัวนี้เข้ากับสีผิวของเราได้ดีมากค่ะ สีที่เราใช้อยู่ตอนนี้คือ 04 Early Tan สีนี้ค่อนข้างเข้มค่ะ เราเป็นคนผิวขาวก็จริง แต่เราไม่ชอบใช้แป้งสีอ่อนค่ะ เพราะเวลาทาแล้วเรารู้สึกว่าหน้าลอยๆ เราเลยเลือกสี 04 มาแทน และใช้สีนี้มาโดยตลอดค่ะ ดูจากรูปด้านบนอาจจะเห็นว่าแป้งสีเข้มมาก แต่เวลาทาจริงๆแล้ว ไม่ได้เข้มขนาดนั้นนะคะ

สรุปคือ เราประทับใจแป้ง Kate ตรงที่ปกปิดรอยสิวแดงๆได้ดี ใช้แล้วหน้าเนียนขึ้นค่ะ เวลาโดนฝน โดนเหงื่อ แป้งบนหน้าไม่ไหลเยิ้ม หลังจากใช้กระดาษซับมันซับหน้าแล้ว แป้งก็ไม่หลุดลอกออกจากหน้าสักเท่าไร และหน้าก็ไม่เป็นคราบแป้งนะคะ ส่วนสีของแป้งก็เหมาะกับผิวหน้าคนเอเชียอย่างเรามากเลยค่ะ แต่ถ้าใช้ touch upระหว่างวัน แป้งตัวนี้อาจจะทำให้หน้าเราดูแป้งเกินไปนะคะ เพราะเนื้อแป้งค่อนข้างหนาค่ะ  ส่วนเรื่องของการคุมมันไม่ค่อยได้นั้น เราไม่ซีเรียสเลย เพราะเราเป็นคนผิวมันมาก ไม่ว่าจะใช้อะไร ผิวก็มันค่ะ ห่ะๆ

เพื่อนๆที่มีพื้นฐานผิวหน้าใกล้เคียงกับเรา เราแนะนำให้ลองซื้อมาใช้ดูนะคะ ส่วนเพื่อนๆคนไหนที่หน้าใส ผิวหน้าดีอยู่แล้ว เรามองว่าสามารถใช้แป้งตัวอื่นที่มีเนื้อบางเบา และราคาย่อมเยากว่าก็ได้นะคร้า จุ๊บๆ

คะแนนที่ให้ : 8 จุ๊บ เต็ม 10 จุ๊บ 
ดูบทความอื่นๆได้ที่ >>  https://beautymde.blogspot.com
รีวิว แป้งผสมรองพื้น IN 2 IT >>  https://beautymde.blogspot.com/2019/02/in-2-it-uv-cover-perfect-two-way.html

ฝากติดตามช่อง SeonsaengnimสอนExcel ทาง Youtube ด้วยนะจ๊ะ 
สอนเรื่องการใช้ Excelขั้นพื้นฐานค่ะ เพิ่งเริ่มทำค่ะ เดี๋ยวจะทยอยลงคลิปเรื่อยๆค่ะ >>> https://youtu.be/vxYYYJel2OQ



รับงานทำreportต่างๆ, วิเคราะห์ข้อมูลในexcel, นำข้อมูลดิบมาทำข้อมูลตามความต้องการและกราฟต่างๆ, 
คีย์ข้อมูล ฯลฯ
ราคาไม่แพง ติดต่อได้ที่ QR Code ด้านล่างนะจ๊ะ 




24/6/61

[รีวิว] กันแดด Biore UV Aqua Rich Watery Essence

ครั้งนี้ขอรีวิว Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA++++นะคร้า เราใช้ครีมกันแดดบิโอเรมาตั้งแต่สมัยมัธยมเลยค่ะ ตอนนี้ทำงานแล้ว ก็ยังคงใช้ยี่ห้อนี้อยู่ ปกติเราจะใช้ Biore UV Aqua Rich Watery Mousse หรือครีมกันแดดเนื้อมูสนั่นเอง ใช้มาหลายหลอดแล้วค่ะ ไม่เคยเปลี่ยนใจเลย แต่เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ลองตัวเทสต์ของบิโอเรเนื้อเอสเซ้นท์แล้วรู้สึกชอบ เพราะเนื้อบางเบา และซึมเร็ว พออ่านคุณสมบัติแล้วดูน่าใช้มาก เลยลองซื้อมาใช้ดูค่ะ แม้ราคาจะแพงกว่าเนื้อมูสก็ตาม

หลังจากที่ได้ลองใช้มาเป็นระยะเวลาหลายเดือน กันแดดบิโอเรเนื้อเอสเซ้นท์ตัวนี้ค่อนข้างเหมาะกับคนผิวมันอย่างเรามากๆค่ะ เนื้อเอสเซ้นท์บางเบา พอทาลงไปบนผิวหน้าก็ซึมเร็วมาก ผิวหน้าจะชุ่มๆนิดนึงด้วยค่ะ รู้สึกว่าทาแป้งได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ ซึ่งจะแตกต่างจากบิโอเรเนื้อมูสตรงที่หลังจากทาเนื้อมูสลงบนผิวหน้าแล้ว จะให้ความรู้สึกเหมือนมีเนื้อมูสลื่นๆเคลือบหน้าเราอยู่ และหน้าจะมันๆนิดหน่อยค่ะ 

Biore UV Aqua Rich Watery Essence

ใช้ครีมกันแดดตัวนี้แล้ว ระหว่างวันหน้าไม่เป็นคราบนะคะ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนผิวมันมาก หน้าเราก็ยังคงมันมากเหมือนเดิมค่ะ แฮ่

เราชอบบิโอเรตัวนี้ตรงที่เนื้อบางเบา ทาแล้วซึมเข้าผิวหน้าได้ดี และผิวก็ยังคงมีความชุ่มชื่นอยู่ด้วย ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เคลมว่าสามารถใช้ทาทับเมคอัพระหว่างวันได้ด้วยนะคะ แต่เราก็ยังไม่เคยลองเหมือนกันค่ะ 

ก่อนออกจากบ้าน อย่าลืมทาครีมกันแดดทุกครั้งนะคะเพื่อนๆ ถ้ามีโอกาส เราอยากให้เพื่อนๆลองซื้อบิโอเรเนื้อเอสเซ้นท์มาใช้กันดูนะคะ แล้วจะเลิฟเลิฟค่ะ ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสไปไต้หวัน อย่าลืมซื้อกลับมานะคะ ราคาที่นู่นถูกมากเลยค่ะ



คะแนนที่ให้ : 9 จุ๊บ เต็ม 10 จุ๊บ
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ >>> https://beautymde.blogspot.com

2/6/61

[รีวิว] ครีมบำรุงรอบดวงตา SANA Nameraka Honpo Wrinkle Eye Cream

วันนี้ขอรีวิว ครีมบำรุงรอบดวงตา SANA Nameraka Honpo Wrinkle Eye Cream อายครีมที่อุดมไปด้วยสารสกัดจากถั่วเหลือง ปกติเราใช้ครีมบำรุงรอบดวงตายี่ห้ออื่นค่ะ แต่เมื่อสองเดือนก่อนไปเดินเล่นร้าน Matsumoto Kiyoshi  เห็นอายครีมของ Sana ราคาไม่ค่อยแพงมาก เมื่อเทียบกับราคาอายครีมที่เราใช้อยู่ปัจจุบัน เราอยากประหยัดด้วย พอลองเทสต์ดูที่แขนก็ดูชุ่มชื่นอยู่เหมือนกัน เลยลองซื้อมาใช้ดูค่ะ 
 Sana Nameraka Honpo Wrinkle Eye Cream


หลังอาบน้ำ ล้างหน้าเสร็จ เราก็ลองใช้เลยค่ะ เนื้ออายครีมจะมีสีขาวขุ่นๆ ไม่มีกลิ่น พอทาแล้วผิวรอบดวงตาจะนุ่มๆดึ๋งๆดีค่ะ ชุ่มชื่นด้วย หลังจากทาทิ้งไว้สักพัก เราลองจับที่ผิวรอบดวงตาดู ก็ยังรู้สึกว่าผิวยังชุ่มๆดึ๋งๆอยู่นะคะ  อายครีมที่เราใช้อยู่อีกตัว พอทาแล้วจะซึมเร็ว เรารู้สึกว่าผิวยังไม่ค่อยชุ่มชื่นเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับ Sana Eye Cream  นอกจากนี้เรายังสามารถใช้อายครีมตัวนี้มาทารอบปากเพื่อลดเลือนริ้วรอยได้ด้วยนะคะ แต่เราไม่ได้ทาค่ะ เพราะเป็นคนหน้ามันมากอยู่แล้ว 

แนะนำเพื่อนๆซื้อมาลองใช้ดูนะคะ ราคาไม่แพงมาก เราประทับใจ SANA Nameraka Honpo Wrinkle Eye Cream ตรงที่ทาแล้วผิวรอบดวงตาจะชุ่มๆนุ่มๆดึ๋งๆ อ่อนโยน ไม่แสบตา แต่ในเรื่องการลดริ้วรอยรอบดวงตา เรายังไม่เห็นผลนะคะ ถ้าทาในตอนเช้า แนะนำให้ทาในปริมาณไม่เยอะนะคะ ถ้าทาเยอะ เวลาตบแป้งลงไปที่ใต้ตา จะกลายเป็นคราบแป้งค่ะ ส่วนทาใครมีร่องใต้ตา หลังจากตบแป้งลงไป จะเห็นร่องชัดเจนขึ้นค่ะ  ด้วยความที่เนื้ออายครีมค่อนข้างข้นและเหนียว แนะนำให้ตบแป้งบริเวณใต้ตาอย่างเบามือค่ะ

คะแนนที่ให้ : 9 จุ๊บ เต็ม 10 จุ๊บ 
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ >>> https://beautymde.blogspot.com

ฝากติดตามช่อง SeonsaengnimสอนExcel ทาง Youtube ด้วยนะจ๊ะ 
สอนเรื่องการใช้ Excelขั้นพื้นฐานค่ะ เพิ่งเริ่มทำค่ะ เดี๋ยวจะทยอยลงคลิปเรื่อยๆค่ะ >>> https://youtu.be/vxYYYJel2OQ



ขายแผ่นมาร์กรอบดวงตา Dr.Morita
แบรนด์ดังจากไต้หวัน ใครไปไต้หวัน ต้องซื้อกลับมา!
เราหิ้วมาจากไต้หวันเลยค่ะ แผ่นมาร์กนี้มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวรอบดวงตากระชับขึ้น ลดรอยหมองคล้ำใต้ตา มาร์กแล้วเฟรชสุดๆ
 ถ้าเพื่อนๆสนใจ ทักไลน์มาสอบถามได้เลยค่ะ 


29/5/61

[รีวิว] ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า L'Occitane Aqua Reotier

วันนี้ขอรีวิวชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า L'Occitane Aqua Reotier ซึ่งเป็นครีมบำรุงที่เติมน้ำให้กับผิวหน้าของเรานั่นเอง เหมาะกับสาวผิวมันอย่างเราๆด้วยเช่นกัน สาวผิวมันก็จำเป็นต้องทาครีมบำรุงที่เติมน้ำให้กับผิว เพื่อสร้างความสมดุลให้กับผิวเช่นกันนะจ๊ะ

ผลิตภัณฑ์นี้เคลมว่า "ส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์มาจากน้ำแร่ Réotier ที่มีแคลเซียมมากกว่าน้ำแร่แหล่งอื่นๆ ถึง 10 เท่า และกรดไฮยาลูโรนิก จะช่วยทำหน้าที่เหมือนแม่เหล็กดูดความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิว เป็นการชาร์จพลังให้ผิวด้วยน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวอิ่มน้ำยาวนานตลอดวัน ผิวคุณจะสดใส และแลดูเปล่งปลั่งดั่งมีแพรไหมปกคลุมอยู่ ผิวรู้สึกเต่งตึง ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิวได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น คืนความมีชีวิตชีวาให้แก่ผิว เหมาะกับทุกสภาพผิวที่ต้องการการดับกระหาย และต้องการความชุ่มชื้น โดยไม่ทิ้งคราบความมันและความเหนียวเหนอะหนะ"


ครีมบำรุงผิว L'Occitane Aqua Reotier


หลังจากได้เห็นคำโปรย เราก็ไปซื้อมาลองใช้เลยค่ะ... ของมันต้องลอง!

วันนี้จะขอนำเสนอ3ตัวนะคะ
เเท่น เเทน เเท๊น....

ตัวแรก คือ L'Occitane Aqua Reotier Essence D'Hydratation Moisture Prep Essence 
จากรูป : ขวดที่อยู่ทางด้านซ้ายมือสุด 
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีลักษณะคล้ายน้ำตบ  แต่แตกต่างกันตรงที่เอสเซนส์ตัวนี้มีลักษณะเป็นเนื้อเจล วิธีใช้ เทผลิตภัณฑ์ออกมาที่ฝ่ามือ หลังจากนั้นก็ตบเอสเซนส์เข้าที่ผิวหน้าของเราเบาๆได้เลยค่ะ เราใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง หลังจากที่ตบเข้าไป ผิวหน้าก็จะมีความเหนียวนิดหน่อยค่ะ หลังจากนั้นเนื้อเอสเซนส์ก็จะค่อยๆซึมลงสู่ผิวหน้า สำหรับเอสเซนส์ตัวนี้ เราใช้ เช้า-เย็นนะคะ ถ้าวันไหนที่เราอยากใช้ครีมตัวอื่นด้วย แต่ยังอยากคงคอนเซปต์ผิวหน้าอิ่มๆฉ่ำๆนิดนึง เราจะตบเอสเซนต์ตัวนี้แค่ตัวเดียว จะไม่ทาตัวเจลเพิ่มแล้วค่ะ หลังจากนั้นก็จะทาครีมยี่ห้ออื่นตามเลยค่ะ 

ตัวที่สอง คือ L'Occitane Aqua Reotier Ultra Thirst-Quenching Gel
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีลักษณะเป็นเนื้อเจล มาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆผ่อนคลาย ถ้านำไปแช่เย็น และนำมามาร์กทั่วใบหน้า จะรู้สึกว่าผิวสดชื่นขึ้นค่ะ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น และล็อกความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำตลอดทั้งวัน  สำหรับเราแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปตามคำโปรยของผลิตภัณฑ์เลยนะคะ ทาผลิตภัณฑ์ตัวนี้แล้วหน้าจะดูชุ่มชื่น ดูอิ่ม เวลาทาแป้ง แป้งจะติดหน้าดีค่ะ หน้าจะดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาก ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นเนื้อเจล ทำให้ซึมลงสู่ผิวหน้ารวดเร็วมาก ไม่ต้องกลัวว่าหน้าจะมันเหนอะหนะเลยนะคะ เราใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ในตอนเช้าค่ะ

ตัวสุดท้าย คือ L'Occitane Aqua Reotier Crème Ultra Desalterante
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีลักษณะเป็นเนื้อครีมนุ่มๆ ทาแล้วผิวหน้านุ่มชุ่มชื่น ตัวนี้เป็นตัวที่เราทาแล้วเห็นผลลัพธ์ได้ดีที่สุดกว่าตัวอื่นที่อยู่ด้านบน หลังจากตื่นเช้ามา ผิวหน้าจะอิ่ม นุ่มๆ ดูมีน้ำมีนวลค่ะ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เราใช้ทาก่อนนอน เนื่องจากผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อครีม และเราเป็นคนผิวมันจึงน่าจะเหมาะกับการทาตอนกลางคืนมากกว่า เนื้อครีมตัวนี้ เมื่อทาลงไปแล้ว หน้าจะมีความเหนียวและมันๆนิดหน่อย อาจเนื่องมาจากเราเป็นคนผิวมันด้วย แต่โดยรวมแล้วไม่ได้เหนียวเหนอะหนะขนาดนั้นนะคะ 

ตั้งแต่ใช้ผลิตภัณฑ์ชุดนี้มาซักระยะนึง ผิวหน้าเราดีขึ้นมากเลยค่ะ หน้าดูอิ่ม ชุ่มชื่นมากขึ้น เวลาแต่งหน้าออกมาแล้วผิวหน้าดูดีขึ้น หน้าฉ่ำขึ้น ผิวหน้าไม่ดูอิดโรยเหมือนเมื่อก่อน

แนะนำเพื่อนๆให้ลองซื้อมาใช้ดูนะคะ  ถ้าใครมีงบจำกัด อาจจะลองซื้อแบบเจล หรือแบบครีม มาลองก่อนได้ค่ะ ถ้าใช้แล้วเหมาะกับผิวหน้าเรา ค่อยไปซื้อตัวอื่นๆเพิ่มค่ะ 

มาเติมน้ำให้ผิวกันนะคะ!

คะแนนที่ให้ : 9 จุ๊บ เต็ม 10 จุ๊บ

ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://beautymde.blogspot.com





15/4/61

[รีวิว] น้ำหอมดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ Sawaday (Sawaday One Drop)

วันนี้ขอรีวิว น้ำหอมดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ Sawaday ค่ะ เราชอบเรียกสั้นๆว่าน้ำหอมดับกลิ่นอึ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เราชอบมาก ใช้มาสักพักแล้วค่ะ และคิดว่าคงจะใช้ต่อไปเรื่อยๆเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจหลังจากทำธุระเสร็จ แฮ่ มันช่วยได้จริงๆนะเพื่อนๆ

Sawaday One Drop

เพื่อนๆเคยเจอปัญหาเรื่องกลิ่นเวลาที่เราขับถ่ายรึเปล่าคะ? เราคิดว่าทุกคนต้องเคยประสบปัญหานี้แน่นอน  ถ้าอยู่บ้านก็ไม่เป็นไรค่ะ Don'tcare ชิมิ แต่เมื่ออยู่ในห้องน้ำสาธารณะ หรือห้องน้ำที่ออฟฟิศ อันนี้เริ่มแคร์แล้วค่ะ โดยเฉพาะการขับถ่ายในห้องน้ำที่ออฟฟิศ ความกังวลใจข้อแรกของเรา คือกลิ่นไม่พึงประสงค์อาจจะไปรบกวนห้องข้างๆได้ และที่กังวลใจยิ่งกว่าคือเมื่อเราเปิดประตูห้องน้ำออกมา แล้วมีเพื่อนร่วมงานจ่อคิวรอเข้าต่อติดๆ  ทำยังไงดี เขิลจุง? รีบเดินหนีสิคะ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แฮ่ ความกังวลใจข้อที่2 คือ กลิ่นไม่พึงประสงค์จากคนอื่น นั่นคือการรอเข้าห้องน้ำต่อจากคนอื่นนั่นเองค่ะ ก็ต้องลุ้นกันไปว่าคนที่เข้าก่อนเราทำธุระเบาหรือหนัก หลายครั้งเหมือนกันที่เราเข้าห้องน้ำต่อจากคนอื่น แต่เมื่อเข้าไปแล้ว ต้องรีบเดินออกมาจากห้องน้ำเลยค่ะ ยอมอั้นแปบนึง เดี๋ยวค่อยมาเข้าใหม่ ต่อสู้กับกลิ่นไม่ไหวจริงๆค่ะ

แต่ตอนนี้หรอ สบายมากค่ะ  หลังจากได้สอย น้ำหอมดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ Sawaday ที่ร้าน MatsuKiyo ในCentral มา ก่อนซื้อก็ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนะคะ ว่าจะใช้ได้ผลรึเปล่า เพราะอ่านที่ผลิตภัณฑ์แล้วเค้าแจ้งว่า แค่เพียงหนึ่งหยดก็หมดกลิ่น จริงหรอเนี่ยยย?   แต่ก็สอยเลยละกัน ราคาก็ไม่แพงด้วย พอกลับบ้านมา ลองใช้เลยค่ะ วิธีใช้ ให้หยดน้ำหอมลงไปในโถสุขภัณฑ์ก่อนทำธุระ1-2หยด เราหยดลงไปแค่หนึ่งหยด แล้วรอสักพัก คือดีมาก กลิ่นค่อยๆเริ่มกระจายตัวขึ้นมา (น้ำหอมมี2กลิ่น คือกลิ่นมิ้นต์ และกลิ่นกุหลาบ เราใช้กลิ่นกุหลาบนะคะ) กลิ่นหอมมาก ผ่อนคลาย กลิ่นกุหลาบกลบกลิ่นอุนจิไปหมดเลย ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เคลมว่าสามารถทำลายแบคทีเรียในโถสุขภัณฑ์ได้ด้วยค่ะ ตอนนี้เราพกไปไว้ที่ทำงานแล้วค่ะ เพื่อไว้ใช้ในห้องน้ำที่ออฟฟิศโดยเฉพาะ  แล้วก็พกติดกระเป๋าอีก 1 ขวด  ส่วนที่บ้าน ไม่เป็นไรค่ะ อยู่คนเดียว ไม่ใช้ ห่ะๆๆ 

แนะนำเพื่อนๆเลยนะคะ น้ำหอมดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ Sawadayตัวนี้ ช่วยดับกลิ่นเรา และยังช่วยเราดับกลิ่นเขาด้วยนะคะ ห่ะๆ ได้สองเด้งเลย 

1 ขวด ใช้งานได้ประมาณ 320 ครั้ง เมื่อใช้งานครั้งละ 2 หยดนะจ๊ะ  

คะแนนที่ให้ : 9.5 จุ๊บ เต็ม 10 จุ๊บ

ดูบทความอื่นๆได้ที่ >>  https://beautymde.blogspot.com

หากเพื่อนๆท่านใดสนใจซื้อผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน 
ส่งเมลมาขอรหัสส่วนลดที่เราได้เลยนะคร้า
email : be.blissful.999@gmail.com 
หลังจากนั้น เพื่อนๆสามารถนำรหัสไปใช้เป็นส่วนลด25% ในการซื้อสินค้าใช้ที่ร้านกิฟฟารีนสาขาใกล้บ้าน หรือทางเว็บออนไลน์ได้เลยนะคร้า :)